ผู้บริหารกลุ่มยางพาราแห่ซื้อหุ้น หวังราคายางพาราปีหน้าฟื้น ดันผลการดำเนินงานพลิกกำไร
ไม่รู้ว่าจะดีใจกับบุคคลกลุ่มใดกันแน่นะครับเมื่อพูดถึงราคายางพารา เพราะมีแง่คิดอยู่ สองด้าน คือ กลุ่มเจ้าของบริษัทยางพารา ที่เร่งซื้อหุ้นของตัวเองกลับ ซึ่งบอกเป็นนัยว่าราคาจะขึ้น กับ กลุ่มผวิเคราะห์สถานการณ์ราคายางที่บอกว่า ราคายางพารา ยังไม่ขึ้น ลองอ่านดู ข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ วันที่ 22 ธันวาคม 2557ดูนะครับ แล้วตัดสินใจกันเอาเอง
ผู้บริหาร "ศรีตรัง" ทยอยเก็บหุ้นกว่า 122 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ด้านผู้บริหาร "ไทยรับเบอร์" ทยอยเก็บกว่า 2.4 ล้านบาท ใน 1 เดือน หลังมองแนวโน้มยางพาราเฉลี่ยปีหน้า 60-65 บาทต่อกิโลกรัม ลุ้นผลประกอบการพลิกกำไรเล็กน้อย และตั้งเป้ารายได้โต 5-10% จากราคายางที่เพิ่มขึ้นและการขยายกำลังผลิต ด้านนักวิเคราะห์มอง 2-4 ปีนี้ ราคายางพารายังตกต่ำต่อเนื่อง จากภาวะผลผลิตยางล้นตลาด
แบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2) ระบุว่า บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) มีรายงานการซื้อหุ้นของผู้บริหารตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2557 ทั้งสิ้นกว่า 122 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ส่วนบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) (TRUBB) พบว่ามีรายงานการซื้อหุ้นของผู้บริหารตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2557 ทั้งสิ้นกว่า 2.4 ล้านบาท
นายภัทรพล วงศาสุทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าราคายางพาราในปี 2558 จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 60-65 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 42 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากราคายางน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ประกอบกับภาครัฐที่จะมีมาตรการช่วยเหลือให้ราคายางฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ เชื่อว่าผลการดำเนินงานบริษัทจะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ตามทิศทางราคายางที่น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง จากปีนี้ที่คาดว่าจะยังคงติดลบอยู่ โดยมีปัจจัยสำคัญคือราคายางที่ปรับตัวลดลง โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีหน้าเติบโต 5-10% จากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อวัตถุมากขึ้น
"แต่ยังมองว่าราคายางจะยังคงโดนกดดันต่อไป หากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน เพราะปัจจุบันปริมาณการผลิตยางพารายังคงมากกว่าความต้องการใช้ยางพาราอยู่มาก รวมถึงทิศทางราคาน้ำมันซึ่งลดลงต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยกดดันอย่างหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาราคาน้ำมันและราคายางพาราจะไปในทิศทางเดียวกัน”
ขณะที่ราคายางในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจาก 36 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 42 บาทต่อกิโลกรัม เป็นผลมาจากฝนที่ตกลงมามาก ทำให้วัตถุดิบในการผลิตลดลง แต่อย่างไรก็ตามแม้ราคาขายจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ราคาวัตถุดิบก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน และเพิ่มสูงกว่าราคาขายอีกด้วย โดยราคาขายที่ปรับขึ้น 1-2 บาท แต่ราคาวัตถุดิบปรับขึ้น 5-6 บาท ทำให้ผู้ประกอบการที่ทยอยขายในช่วงนี้อาจจะประสบผลขาดทุนได้
ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC กล่าวว่า ราคายางพารายังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะ 2-4 ปีข้างหน้า เนื่องจากภาวะผลผลิตยางพาราล้นตลาด แบะปริมาณผลผลิตยางพารายังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ต้นยางพาราที่ปลูกในช่วงปี 2548 จะเข้าสู่ช่วงอายุที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ประกอบกับต้นยางพาราที่ปลูกใหม่ในช่วงปี 2552-2554 อีกราว 5.6 ล้านไร่ ก็กำลังจะเริ่มให้ผลผลิตในอีก 2-3 ปีจากนี้
ในขณะที่การบริโภคยางพารา แม้จะมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ รวมทั้งการที่ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะหันมาบริโภคยางพาราทดแทนยางสังเคราะห์เพิ่มขึ้น จากราคายางพาราที่ถูกกว่า แต่แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของความต้องการดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอที่จะรองรับปริมาณผลผลิตยางพาราที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ประกอบกับราคายางสังเคราะห์ยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังสูงกว่าราคายางพารา จากภาวะผลผลิตล้นตลาดและราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งจาก 2 ปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลให้ราคายางพารายังมีแนวโน้มปรับลดลงในระยะต่อไป
0 คน ให้ความคิดเห็นเรื่อง "ผู้บริหารกลุ่มยางพาราแห่ซื้อหุ้น หวังราคายางพาราปีหน้าฟื้น ดันผลการดำเนินงานพลิกกำไร"
แสดงความคิดเห็น