วิธีการเลือกซื้อที่ดินทำสวนยางพารา
วิธีการเลือกซื้อที่ดิน เพื่อทำสวนยาง แต่ละคนอาจจะมีวิธีการเลือกที่แตกต่างกันออกไป เช่น ต้องเป็นโฉนด หรือ ต้องถูก ก็แล้วแต่ใคนจะเอาอะไรเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตามขอฝากบทความเรื่อง ข้อคิดก่อนการทำการเกษตร ไว้ให้ด้วยก็แล้วกันนะครับ เพราะสำคัญอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน การทำสวนยาง นั้น สิ่งที่น่ารู้บางประการขอนำมาเสนอดังนี้
-สวนยางพารามีอายุเฉลี่ยประมาณ 30 ปี ถ้าบำรุงตามปกติ
-ต้องประคับประคองให้มีอายุยาวถึง 30 ปี โดยให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่องเพราะปัจจุบันเรื่องภัยธรรมชาติ
หรือสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว
-มีรายจ่าย คือ ค่าปุ่ย (ปีละสองครั้ง) ยาแล้วแต่ความจำเป็น น้ำกรดหรือน้ำส้มตอนกรีด
-จะกรีดได้ก็ต่อเมื่อมี ต้นยาพารา อายุได้ 6 ปีขึ้นไป โดยควรมีเส้นรอบวง 52 ซม. ณ จุดสูงจากพื้นดิน 150 ซม.
-3-4 ปีแรก สามารถปลูกพืชอื่นเสริมได้ แต่หลังจากนั้น ไม่ควร
-เมื่อต้นยางหมดน้ำยาง คือ 30 ปีแล้ว สามารถขายต้นยางได้ ซึ่งราคา ณ ปัจจุบัน (2556) ที่ภาคใต้ตกอยู่ที่ ไร่ล่ะ แปดหมื่นถึงหนึ่งแสนบาท เหมือนเงินฝากธนาคารเลย
ทีนี้ก่อน การหาซื้อที่ดิน เพื่อทำเป็นสวนยาง จึงจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องต่างๆ หลายๆ ด้านด้วยเช่นกัน ขอแนะนำเบื้องต้นดังนี้
ไม่ควรซื้อที่ดิน ที่มีลักษณะดังต่อนี้
1.ที่ดินติดถนนใหญ่หรือถนนสายหลัก ที่ไม่แนะนำก็เนื่องจากว่า ถนนเหล่านั้น มักจะมีการถมให้สูงจากพื้นดินมาก ยิ่งทำบ่อยก็จะยิ่งสูงเพิ่ม ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ง่าย ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน คือ การกรีดยาง และปัญหาอีกอย่างคือ ถ้าน้ำท่วมขัง ต้นยางก็จะมีโอกาสเสียมากขึ้นด้วย
2. ที่ดินอยู่ใกล้แหล่งชุมชน จะมีปัญหาคล้ายกับ ข้อที่หนึ่ง เกิดขึ้นอีก เพราะเมื่อเราอยู่ใกล้ชุมชน พอต่อมาชุมชนขยายออกมา ติดที่สวนยาง และที่สำคัญคนส่วนมากมักจะถมที่ดินก่อนการสร้างบ้าน ดังนั้น ก็จะทำให้เกิดน้ำขัง (อีกแล้วครับท่าน) ก็จะเกิดปัญหาทั้งการทำงานและต้นยางเสีย
3.ที่ดินใกล้โรงงาน เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า โรงงานหลายๆ ประเภทมักจะปล่อยมลพิษออกมา ไม่ว่าจะเป็น ทางอากาศ ทางน้ำ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เป็นปัญหาต่อสุขภาพของเรา และต้นยางพาราได้
4. ที่นาหรือที่ลุ่ม เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ที่แบบนี้น้ำดีเกินกว่าที่ยางพาราต้องการ อีกทั้งส่วนมากแล้วที่นามักจะเป็นดินเหนียวด้วย ฉะนั้นอย่าคิดซื้อ (แต่ถ้าเป็นสวนปาล์ม ทำได้นะครับ แต่ขอให้ขึ้นร่อง รับรองแจ่ม)
จะเห็นได้ว่า การจะทำสวนยางนั้น หลีกเลี่ยงจากความเจริญต่างๆ เป็นหลัก ดังนั้น ที่ดินทีเหมาะสมก็จะเป็นที่ดินที่เป็นป่่าเสื่อมโทรม หรือ ที่ดิน สปก. เพราะเป็นแหล่งปลูกใหม่ จะมีธาตุอาหารให้ต้นยางเป็นอย่างดี ส่วนที่เป็นเขา ก็ไม่ควรชันเกิน 35 องศา เพราะไม่สะดวกในการกรีด และการออกเอกสารสิทธิ์นั้น เขาให้ได้เฉพาะทีดินที่เอียงไม่เกิน 35 องศา แต่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างมากคือ ที่ดินที่เป็นดินดินดาน เพราะจะทำให้การหากินของรากต้นยางไม่สะดวก ที่เคยเห็นมา บางแห่งก็ไม่สามารถเติบโตได้อีกต่างหาก เนื่องจาก พอเป็นฤดูร้อนแล้ว จะแล้งจนต้นยางอ่อนร้อนและตายไป
ที่สำคัญอีกอย่างของ วิธีการเลือกซื้อที่ดินทำสวนยางพารา คือ ควรจะมีแหล่งน้ำ เพราะช่วงระยะแรกของการปลูกนั้น ต้นยางต้องการน้ำมากพอสมควร ถ้าโตแล้วก็สบาย แต่อย่างไรก็ตาม น้ำ คือ หัวใจของการเกษตรอยู่แล้ว หากเลือกได้ก็ซื้อที่ดินที่มีแหล่งน้ำใกล้ๆ เป็นดีที่สุด ครับ
ดูเหมือนตอนนี้ ที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ อาจจะมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือด้านราคาแล้วใช่ไหม?
ตอบลบจากที่คราวก่อน รัฐบาลรับปากว่าจะช่วยเหลือ แต่แล้วก็เงียบหายไป ในฐานะที่เป็นชาวสวนยาง ก็อยากให้มีคนไปเสนอให้รัฐบาลได้รับรู้เหมือนกันนะว่า
ที่ดินของเรา ทำกินกันมาเป็น หลายสิบปีแล้ว แต่ทางการไม่ยอมออกเอกสารสิทธิ์ให้ เลยไม่มี
ทีนี้ ตอนนี้ รัฐบาลเขาไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ก็หมดสิทธิ
นี่คือความเหลื่อมล้ำที่เขาคิดไม่ถึง จึงขอสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม ที่เรียกร้องเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่แท้จริง ด้วยอีกคน
ขอให รัฐบาลช่วยเหลอ ผู้ไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ถือครองมาเป็นเวลานานด้วยนะครับ
รัฐบาลก็คงต้องถือ กฎหมายเป็นหลักนั่นแหละครับ
ตอบลบส่วนวิธีการแก้ปัญหาอย่างอื่น เกี่ยวกับสิทธิ์ต่างๆ และเอกสารสิทธิ์ ก็คงค่อยเป็นค่อยไปครับ เพราะปัญหาสำคัญคือ การบุกรุกป่า ที่สาธารณะ
ถ้าเฉพาะชาวบ้าน คงไม่ปัญหามาก แต่ถ้าให้ไปทั่ว คนที่ได้รับประโยชน์จริงคือ นายทุนที่ซื้อที่ตุนไว้เยอะๆ นะครับ
ความเห็นส่วนตัวนะ