เราควรทำ เมื่อยังมีชีวิตอยู่

เราควรทำ เมื่อยังมีชีวิตอยู่

วันนี้ อยากจะนำเรื่องของสิ่งที่ เราควรทำ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าเราจะเป็นชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน หรือที่เรียกว่า เกษตรกร ก็แต่ สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราน่าจะหาโอกาสทำ หรือ ต้องทำ นะครับ แม้ว่า ต้นเรื่องจริงๆ จะเป็นของฝรั่งเขาเขียนไว้ก็ตามเถอะ แต่เมื่อเราไม่อยากเสียใจก่อนที่จะจากโลกนี้ไป ต้องทำให้ชีวิตสมบูรณ์ขึ้นบ้าง 

เสียกายถ้าไม่ได้ทำก่อนตาย

ตอนมีชีวิตอยู่ เราต้องรีบขวนขวายทำให้ได้ มีดังนี้

1. อย่าเปรียบเทียบชีวิตตนเองกับคนอื่น 

การที่ไม่อยากให้นำเอาชีวิตเราไปเปรียบกับคนอื่น เพราะส่วนมากเรามักจะไปเปรียบเทียบกับคนที่ได้ดีกว่าตนเอง ไม่ว่าจะ ฐานะการเงิน ความเป็นอยู่ เป็นต้น เพราะจะทำให้ชีวิตหดหู่ แต่ถ้าเปรียบเทียบแล้วกระตุ้นตัวเองให้พัฒนา ไปให้ถึงระดับเดียวกับเขา นั่นสามารถทำได้

2. จงทำในสิ่งที่ต้องการ

เมื่อคิดว่าสิ่งไหนดีแล้ว ก็ให้ทำ แม้ว่า การที่เราทำไปแล้วจะมีความผิดพลาดบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้อีกอย่างหนึ่งว่า แบบนี้ไม่ดี แล้วในที่สุด ก็จะเจอหนทางที่เหมาะกับตัวเอง เหมือนลูกเศรษฐีเมืองไทยหลายคน ทำงานอะไรมากมาย มีเงินแต่ไม่มีความสุข บางคนไปทำการเกษตรอินทรีย์รวยมหาศาล บางคนค้าขายมาหลายอย่าง แต่ไม่ได้กำไรเท่าที่ควร พอมาเปิดร้านค้ามอเตอร์ไซค์มือสองกลับได้กำไรงาม จนต้องเปิดแฟรนไชส์ เลยก็มี

3. อย่าปล่อยให้โลกมาตัดสินชีวิตเรา

การไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งเหนือธรรมชาติ การไม่เอาผลกรรมมาอ้าง ย่อมทำให้สามารถเอาชนะอุปสรรค์ต่างๆ ได้ เช่น หญิงสาวคนหนึ่งเคยเป็นพนักงานในโรงงาน แต่ต่อมาบังเอิญไปลองขายของออนไลน์ดู ปรากฏว่า ขายดีได้กำไร จนได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยเปิดร้านขนาดใหญ่ ลูกชาวนาบางคน เก็บเงินได้ห้าพัน ไปลงทุนในหุ้น ต่อมาอีกห้าปี กลายเป็นเศรษฐี 10 ล้านบาท อีกตัวอย่างหนึ่งคือ คนพิการที่ไม่ยอมแพ้ หาอาชีพเลี้ยงตนได้โดยไม่ต้องไปนั่งขอทานจากคนอื่น

4. อย่าผัดวันประกันพรุ่ง

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอายุสัก สามสิบปลายๆ เป็นต้นไป คุณจะรู้สึกว่า เวลาในแต่ละวัน ช่างหมดไปไวเหลือเกิน จนทำให้คิดว่า จะทำอะไรไม่ทันเลยทีเดียว ดังนั้น หากคิดจะทำอะไรสักอย่าง ให้ลงมือทำทันที ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะไม่ได้ทำมัน เช่น อยากจะไปบอกรักพ่อ แม่ จงบอกท่านเสียเพราะไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกับท่านอีกไหม หรือ จะเจอเมื่อไร คนเขาว่า คนที่สามารถรวยได้ไว คือคนที่ตัดสินใจไว เห็นโอกาสแล้วรีบทำ หากไม่ดีก็หยุดเสียแต่แรก นั่นทำให้มีโอกาสมากกว่าคนที่มัวรีรอ

5. ต้องกล้าเสี่ยงบ้าง

ชีวิตของคนเรา บางครั้ง ก็ต้องรู้จักตัดสินใจต่อสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ เหมือนเราที่เป็น ชาวสวนยาง ที่ราคาต่ำเตี้ยติดดินอยู่นี้ รัฐบาลส่งเสริมให้ ปลูกพืชร่วมยาง เลี้ยงสัตว์ในสวน หรือ ตัดบางส่วนเพื่อนำที่ดินไปปลูกผักสวนครัว คุณกล้าไหมที่จะทำ นี่เป็นสถานการณ์หนึ่งที่ต้องเสี่ยง 

6. อย่าหยุดต่อสู้ อย่าท้อถอย

การไม่ยอมแพ้ คือ ต้องต่อสู้ต่อไป ไม่ท้อ ไม่ถอย เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ไปสู่ฝันได้ อย่างคำที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ผมย้อนคิดถึงภาพที่ใช้ยกตัวอย่างภาพหนึ่ง ที่มีชายสองคน ขุดดินเป็นอุโมงค์เพื่อหาขุมทรัพย์ คนหนึ่งขุดมานานแล้วไม่เจอ เลยหยุดหันหลังกลับ แต่อีกคนหนึ่ง ทนทำต่อไปประกฏว่า เขาขุดต่ออีกนิดเดียวก็เจอทันที นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง อยากให้นำไปเปรียบกับชีวิตของเราที่บางทีทำไม่ถึงที่สุดแล้วยอมพ่ายแพ้เสียก่อน

7. บอกรักคนอื่น ให้มากเข้าไว้

เรื่องนี้สำหรับคนไทยเรา ยิ่งหากเป็นคนบ้านนอก เป็นคนวัยกลางคนแล้ว คงรู้สึกกระดากปาก ที่จะบอกใครสักคนว่ารัก แม้แต่กับ พ่อ แม่ ของตัวเอง แต่ลองดูครับ ค่อยหาโอกาสที่สำคัญบอกท่าน ส่วนคนอื่นๆ ลูก เมีย เพื่อนๆ ก็บอกเขาได้เช่นกัน เพราะว่า วันหนึ่ง เมื่อเราใกล้ตายแต่ไม่ได้บอกกับใคร จะรู้สึกเหมือนตัวเองโดดเดี่ยวมากๆ

8. จงมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ให้มาก

การที่เรามีอะไร ก็ให้มีสุขกับสิ่งที่มีก่อน เราเกิดมาจน ก็อยู่แบบจนๆ แต่ก็ต้องรู้จักใขว่คว้าโอกาส หากมันจะทำให้เรามีเงินมีทองได้ อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งน้อยใจต่อโชคชะตา หรือ สิ่งที่มีอยู่ จงคิดเสมอว่า ดีกว่าเราไม่มีอะไรเลย หลายคนยังไม่มีเหมือนเราเลย แล้วคุณจะรู้สึกถึงคุณค่าของมัน มีภรรยา มีสามี จะรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็ตาม แต่จงรู้ว่า ที่เขาอยู่กับเราได้เพราะเขารัก จงรักเขาให้มาก ทะนุถนอมไว้ให้ดี

9. ดูแลร่างกายของตนเองให้ดี

ร่างกายเรา เหมือนเครื่องจักร ที่จะพาเราไปทุกที่ ให้เราทำงานได้ทุกอย่าง ดังนั้น อย่าปล่อยประละเลย จงทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพเสียแต่เนิ่นๆ มันจะได้อยู่กับเราไปนานๆ

10. ฟังคนอื่นให้มาก

บางที การที่เรามีความมั่นใจในตัวเองสูงเกินไป ก็เกิด อีโก้ คือ ถือว่าตัวเอง ดี เก่ง ไม่ยอมรับฟังผู้อื่น ลองคิดดูใหม่ เพราะความคิดของคนอื่น แม้จะไม่ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจะฟัง แต่บางทีก็มีแง่มุมที่น่าคิด และนำไปต่อยอดได้ดี การฟังคนอื่นทำให้เราเปิดโลกทัศน์ของตัวเองขึ้นมา ให้ได้ไอเดียใหม่ๆ ผมคิดถึงตอนเป็นนักเรียนมัธยม ตอนนั้นเป็นสามเณร อายุ 13-14 ปี ครูที่สอนหนังสือวิชา ธรรมวินัย มักจะพูดเรื่องอื่นๆ นอกเรื่อง จนผมรู้สึกรำคาญ แต่ปรากฎว่า ตอนผมมาดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง จึงได้นำเอาสิ่งที่ครูเขาเล่าให้ฟังในห้องเรียนมาประยุกต์ใช้ได้มากมายหลายอย่าง จึงหวนคิดว่า เรานี่แย่มากดีว่ายังจำสิ่งเหล่านั้นได้นะครับ

11. ต้องรู้จักปล่อยวาง และอย่าเก็บความโกรธไว้กับตนนานเกินไป

ความโกรธ นอกจากจะ เป็น อกุศลมูล คือ ต้นเหตุของการทำสิ่งที่ไม่ดี แล้วยังเป็น อาหารชั้นเลิศของมะเร็งอีกด้วย กลัวเป็นมะเร็งก็หลีกเลี่ยงเสียนะครับ หากเรามีสติ เราก็จะรู้สึกผ่อนคลายผ่อนปรนความโกรธ เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่อ่อนไหวต่อคนที่โกรธ และพยาบาท ง่ายๆ เลย ผมเคยมีแฟน เขาจะจำเรื่องที่ผมมีโทสะ หรือ โกรธ อะไรต่างๆ ไว้ แล้วในที่สุดวันหนึ่งจะเลิกกันเขาก็บอกว่า เขากลัวที่เห็นเรามีอารมณ์โกรธ ประมาณนั้น นอกจากนั้นเราจะเห็นว่า คนที่เก็บเอาอารมณ์ไม่ดีเหล่านี้ไว้ในใจ ตัวเองนั่นแหละที่จะมีความรู้สึกเศร้าหมอง และมีผลให้คนรอบข้างรู้สึกแย่ไปด้วย ดังนั้น ปล่อยวางเสียเถอะครับ

12. มีโอกาสให้เดินทางไปท่องเที่ยวเสียบ้าง

การท่องเที่ยว สำหรับ คนที่เป็นชาวสวนเรา คงเอาแค่การได้ไปต่างจังหวัดในประเทศ แต่ถ้ามีเงินมีทอง ก็ลองไปต่างประเทศดู แต่อย่าให้ตัวเองและครอบครัวเดือนร้อนนะครับ การเที่ยว ทำให้เราได้ไอเดียใหม่ๆ เพิ่มขึ้น มีแรงผลักดันในอาชีพของตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญ เหมือนเป็นการให้รางวัลแก่ชีวิตตัวเอง ที่ตรากตรำทำงานมาเป็นเวลานานด้วย

13. อย่าเครียดกับชีวิตมากเกินไป

เครียด กับ เครียดเกินไป เป็นคนละความหมายนะครับ การเครียดมากเกินไป จะทำให้เราขาดสติได้ บางอย่างก็อาศัยข้อ 11 ข้างบนมาช่วยคือ รู้จักปล่อยวางบ้าง อย่าโหมทำงานจนไม่พักผ่อน เดี๋ยวเป็นลม ไม่สบาย กลายเป็นว่า ไม่ได้ทำงานไปซะงั้น เหมือนเรื่องที่ ท่าน ว.วชิรเมธี ได้เล่าให้ฟัง ประมาณว่า ชายคนหนึ่งทำงานเป็นผู้จัดการบริษัททำงานหนักมาก ภรรยาบอกให้เพลาๆ บ้าง ทำอะไรบ้าง เขาก็บอกว่า ไม่ได้ เพราะตนเป็นคนสำคัญของบริษัท ถ้าตนไม่ทำแล้วใครจะมาทำ แต่ว่า จนวันหนึ่งเขาได้เสียชีวิตลง ปรากฏว่า อีกวันรุ่งขึ้น บริษัทก็แต่งตั้งคนอื่นมาเป็น ผู้จัดการแทนทันที เห็นไหมครับ บางทีเราก็ต้องรู้จักทำชีวิตให้มีความสุขบ้าง อย่าเครียดจนลืมคนรอบข้างนะครับ 

14. ทำงานมากเกินไป

ตามปกติวิสัยแล้วคนตะวันตกเขาบอกว่า คนเราควรทำงานไม่เกิน 40 ชม.ต่อ สัปดาห์ ถ้ามากกว่านี้ ก็มากเกินไปละ ดังนั้น ก็ต้องมีวิธีการละครับว่าจะทำอย่างไร เช่น คนทำสวนยาง กรีดยางวันละ 3-4 ชม. หยอดน้ำกรด 1 ชม. แล้วก็ไปทำนา หรือ อาชีพอื่นอีก ก็ลองนับดูนะครับ โหมมากเกินไป แก่มาพละกำลังถดถอย อาจทำให้เสียกำลังไวขึ้นอีกด้วย

15. ติดต่อกับเพื่อนๆ ให้มากที่สุด

เพื่อน เป็นสิ่งที่สำคัญมากยามแก่เฒ่า จากที่ได้ศึกษามา ทำให้รู้ว่า คนที่มีเพื่อน จะมีชีวิตชีวามากกว่าคนที่ไม่มีเพื่อน เพราะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ร่วมกัน ได้พบปะสังสรรค์กัน ดังนั้น หากมีเพื่อน ก็ให้รักษาเพื่อนไว้นะครับ ถึงแม้ว่า ที่สุดแล้ว จะมีเพื่อนที่ดีเหลือน้อยเต็มที แต่ก็ต้องรักษาและคบกันไป ติดต่อกันไป เพราะคนวัยเดียวกันย่อมสามารถพูดคุยกันได้สะดวกปากมากกว่าคนต่าง วัยกัน

16. ใส่ใจสิ่งรอบข้าง และเพื่อนร่วมโลกให้มาก

คำว่า ใส่ใจ เป็นคำที่ลึกมากนะครับ ง่ายๆ เลยผมขออนุญาตเล่าเรื่อง พระอานนท์ ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐาก พระพุทธเจ้า ท่านเอาใจใส่ เพราะพุทธเจ้ามาก ท่านรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ท่านสังเกตได้แม้แต่ว่า วันไหนพระพุทธเจ้าจะไปรับบิณฑบาต หรือไม่ไป วันไหนจะเดินทางจาริกไปไกล เป็นต้น จนตัวท่านเองไม่ได้เป็นพระอรหันต์ จนกระทั่งภายหลังจากที่พระพุทธองค์ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระอานนท์จึงได้บรรลุอรหันต์ เห็นไหมครับว่า ท่านใส่ใจมากขนาดไหน ตัวอย่างในปัจจุบันที่เห็นได้ง่ายคือ ฝรั่ง บางครั้ง เขาถอดรองเท้าของตัวเองให้เด็กขอทานแล้วตัวเองเดินเท้าเปล่าไปซื้อคู่ใหม่ อะไรประมาณนี้ มีให้เห็นเยอะ นี่คือ การใส่ใจคนรอบข้างและเพื่อร่วมโลก

17. มีความมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น

บางทีคนเราก่อนตาย อาจจะนึกเสียดายวันเวลาในอดีตเหมือนกันนะครับว่า ถ้าเรามีความมั่นใจในตัวเองอีกหน่อย เราคงทำประโยชน์อะไรได้อีกเยอะ ง่ายๆ เลย ตัวผม มีปัญหาเรื่องความรักมาก ผมไม่ค่อยเชื่อมั่นตัวเองเลย ฉะนั้นเวลาผมมีคนรัก ก็มักจะเอาใจเขา ง้อเขา ซึ่งที่สุดแล้ว เราก็กลายเป็นคนไร้ค่า เป็นของตายสำหรับเขา พอนานๆ ไป เขาก็ไม่สนใจใยดี เหมือนผมรักกับ อี้ด นันท์นภัน โชติ.. นี่แหละครับ ผมเป็นแบบนั้นเลย จนเพื่อนของเขาคุยกับผมเป็นนัยว่า อยากให้ผมมีความมั่นใจในตัวเอง แล้วจะมีความสุข ผมจึงสามารถทำใจให้เข้มแข็งขึ้นมาได้ ถ้าในวิถีคนที่ทำธุรกิจก็เช่นกันครับ บางอย่าง ตัองตัดสินใจเด็ดขาด มั่นใจในตัวเอง แล้วจะพบหนทางที่เป็นของตัวเอง

18. เชื่อในความรู้สึกของตัวเองบ้าง

ความรู้สึกในที่นี้ หมายถึง เซนส์ หรือ อาการปิ้งแว๊บ เช่น เราเห็นคนคนหนึ่ง ที่มาตีสนิทเรา แล้วความคิดแว็บหนึ่งของเราบอกว่า คนนี้มันจะมาหาผลประโยชน์จากเราหรือเปล่าเนี่ย ไม่น่าไว้ใจเลย นั่นอาจจะเป็นความคิดที่ถูกต้องก็ได้ ดังนั้น บางที เชื่อมั่นตัวเองตรงนี้ก็ไม่เสียหายนะครับ แต่การแสดงออก ก็ต้องแสดงออกแบบเป็นมิตรไปก่อน เราแค่รู้จัก อยู่ไปคบสนิทสนมให้เร็วมากเกินไป

19. ให้เลือกคบคนดี

เลือกคบคนดี ในพระพุทธศาสนาก็ได้กล่าวไว้ คือคำว่า กัลยาณมิตตตา การเลือกคบคนดี ลักษณะของคนดี ง่ายๆ คือ คนมีศีลธรรม คนที่หวังดีต่อเรา ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่นำความเดือดร้อนมาให้ เหตุที่ให้เลือกคบคนดี เพราะคนเหล่านี้ ย่อมนำความสุขมาให้ อีกทั้งยัง สร้างประโยชน์เกื้อกูลต่อกันและกันอีก พระพุทธเจ้าจึงยกย่องคนแบบนี้

20. อย่าเอาแต่พูด ต้องลงมือทำด้วย

บางที เรามีแต่โครงการว่า "จะทำ" แต่ไม่ได้ลงมือทำสักที ไม่แน่นะครับ ที่สุดแล้วอาจจะไม่ได้ทำ ดังนั้น เมื่อมีโอกาส หรือ แม้ไม่มี ก็ต้องหาโอกาสให้ได้ทำ อย่าเอาแต่พูด อย่าเอาแต่วาดฝัน แล้วเมื่อไรจะเป็นจริงขึ้นมา เพราะชีวิตของคนเรา ไม่มีความแน่นอน เห็นกันวันนี้ วันพรุ่งนี้อาจจะตายจากกันก็ได้ ตัวเราเองก็เหมือนกัน หากคิดแล้วไม่ทำ ก็อาจจะไม่ได้ทำเลยในชีวิตนี้ ก่อนตายก็ได้

นี่คือสิ่งที่ เราควรทำ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราต้องรับรู้ร่วมกันแล้วครับพี่น้อง ว่าเราจะทำให้ ในฐานะเกษตรกร ก็ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี และในฐานนะส่วนหนึ่งของสังคม เราก็ต้องตอบสนองครับ ขอให้รวยๆๆ นะครับ

0 คน ให้ความคิดเห็นเรื่อง "เราควรทำ เมื่อยังมีชีวิตอยู่"

แสดงความคิดเห็น